Search

จะพยายามมาเขียนประสบการณ์ที่เราเจอตอนทำอสังหาญี่ปุ...

จะพยายามมาเขียนประสบการณ์ที่เราเจอตอนทำอสังหาญี่ปุ่นทุกอาทิตย์นะคะ

อาจจะใช้แฮชแทคว่า
#อสังหากุ๊กกุ๊ก 🏚🛠🏗
จะได้ตามอ่านกันเจอ 5555
ที่ใช้ว่า กุ๊กกุ๊ก เพราะจะได้อ่านและเข้าใจอสังหาญี่ปุ่นพร้อมกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นสอดแทรกไปด้วยในแบบที่เข้าใจง่าย เลเวลลูกเจี๊ยบไปพร้อมกัน และเพราะเป็นชื่อเรานี่แหละ 555

รอบก่อนที่ลงไป มีคนดีเอ็มมาเยอะมากว่า
หางานได้ยังไงงงงง มาทำด้านอสังหาแบบนี้ ต้องเก่งแน่เลย ต้องทำยังไงบ้างงงง

อย่างแรก เอาอะไรมาเก่ง สภาพพพพพ 5555
ตอนนั้นอายุแค่ 23-24 เองด้วยซ้ำ
เอาจริงตอนแรกที่อยากเปลี่ยนงานจากล่ามการแพทย์ เพราะรู้สึกตันๆกับสายงานแล้ว
เลยเริ่มมองๆหางานใหม่ อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆบ้าง

ลองนั่งย้อนความรู้สึก ได้ข้อสรุปตามนี้ค่ะ 😉
1. ไม่ต้องรีบ หางานที่อยากได้ และผลตอบแทนดีกว่าที่เก่า
เอาจริงเรามองหางานใหม่นานอยู่เหมือนกันนะคะ
น่าจะซัก 4-6 เดือนได้ จะเช็คงานดูเรื่อยๆเลยช่วงนั้น
อันไหนน่าสนใจก็สมัครไป ไปสัมภาษณ์ ผ่านบ้างแต่ไม่ชอบบ้าง
แต่ที่สำคัญคือ เนื้อหางานต้องได้เรียนรู้ในการต่อยอดในอนาคต สวัสดิการ ผลตอบแทนต้องดีกว่าที่เก่า

2. ผู้ช่วยดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
สำหรับผู้ช่วยการหางาน สามารถติดต่อบริษัทหางานโดยตรงได้เลย
เช่น เน้นสายใช้ภาษาทำงาน บริษัทหางานที่เป็นญี่ปุ่นในไทย ลองกดเสริชโล้ด (หรือใครไม่แน่ใจ จะสอบถามมาหลังไมค์ก็ได้นะคะ)
เข้าไปฝากประวัติไว้ก่อน และจะมีคนโทรติดต่อมา
พ้อยหลักคือ คนที่ติดต่อมาเนี้ยละค่ะ คือผู้ช่วย ผู้ผลักดันเราให้กับบริษัทลูกค้า ให้คำแนะนำต่างๆก่อนการสัมภาษณ์
ถ้าได้ตัวช่วยดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ตอนนั้นยอมรับว่าตัวช่วยดี พี่เค้าน่ารักมากๆ ช่วยดัน ช่วยวางแผนสำรอง
ส่วนอีกครึ่งคือความสามารถและโชคตอนที่สัมภาษณ์งานค่ะ

3. หางานก็เหมือนหาคู่
ไม่ใช่แค่เราอยากได้งานอย่างเดียว ฝั่งบริษัทเอง เค้าก็อยากได้คนที่ตรงสเปคเค้าเหมือนกัน
บางทีที่ไม่ได้งาน ไม่ได้หมายความว่าคุณสมบัติคุณไม่พอ
แต่อาจจะ over qualified สำหรับบางที่ก็ได้
ไม่ต้องไปซีเรียสมาก ไม่ได้ก็แค่หาใหม่ ที่ๆเข้ากับเรา
ล้มแล้วลุก คำนี้ยังคงใช้ได้ตลอด

4. รู้เค้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ทำการบ้านของบริษัทที่เราจะได้ไปสัมภาษณ์ไว้ด้วย
อันนี้เหมือนเป็นคะแนนโบนัส แต่ศึกษาแบบประมาณพอ และเอาไว้ตั้งคำถามกลับแก่กรรมการด้วย
นอกจากจะได้รู้จักบริษัทที่เราไปสัมภาษณ์แล้ว
หลังทำการบ้านเนี้ย เราจะได้รู้ด้วยว่า ถ้าองค์กรเป็นแบบนี้ เราชอบไหม? เราจะโอเคกับงานนี้รึเปล่า?

5. ถ้าผ่านรอบสองแล้ว อีกรอบคือผ่านแหละ
การสัมภาษณ์งานของบริษัทญี่ปุ่น ส่วนมากจะสัมภาษณ์ 2-3 รอบด้วยกัน
ของไก่โดนไป 3 รอบค่ะ ซึ่งรอบแรกจะเป็นฝ่ายกรองจากบริษัทหางาน
รอบสอง กับบริษัทที่เราสนใจโดยตรง กับหัวหน้าในบริษัทที่อาจเป็นคนที่เราทำงานด้วย
และรอบสุดท้าย หัวหน้าใหญ่ แบบกรรมการบริษัทลงมาสัมภาษณ์เพื่อฟันธงว่า คุณจะได้ไปต่อไหม

เอาจริงรอบสุดท้าย คือดวงล้วน55555555555
แต่ๆ คนญี่ปุ่นจะมีเกณฑ์การเลือกคนแบบ
ถ้ายังอายุน้อย บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมองคนที่เค้าสามารถสอนได้
บุคลิกจะต้องเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว เข้าใจว่าเป็นคนมีของ แต่ถ้าไปอวดตอนสัมภาษณ์ว่ามีของดี และอวดจนเกินพอดี อันนี้คงไม่น่าประทับใจสำหรับผู้อายุโสเท่าไหร่ค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณสมัครเข้าไปด้วยนะคะ
บางตำแหน่งที่เค้าเปิดรับสมัครเข้าไป เค้าอยากได้แบบพร้อมใช้งาน มีความรู้อู้ฟู้
แบบนั้นก็ตอนสัมภาษณ์ ก็ลุยโลดดดด ลองดูสถานการณ์ให้ดีฮ่ะ

6. คนเราเรียนรู้กันได้
มีพื้นฐานความรู้ด้านอสังหาหรอ? ไม่มีค่ะ
คำศัพท์เฉพาะทางละ? ไม่มี
ไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ 55555555555555555555
ถ้าเป็นคนเรียนรู้ไว บอกไปเลยยยว่าของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้
และบริษัทเราที่นี่คือน่ารักมากกกกก เพราะเค้าเข้าใจมากๆว่าอันนี้มันด้านเฉพาะทางจริงๆ
เหมือนเติบโตไปพร้อมบริษัท

ใครอยากรู้เรื่องไหนเพิ่มเติม คอมเม้นมาได้เลยน้าาาา

#อสังหากุ๊กกุ๊ก
.
#realestatedevelopment #JapaneseRealEstate #BusinessDevelopment #RealEstate #ReviewRealEstate


Tags:

About author
For any inquiries, please contact us via message or E-mail : [email protected]
Jee-Jee & Kookkai, our LIFESTYLE in Japan
View all posts